ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญของบ้านยางชุมใหญ่
น้ำเป็นทรัพยากรอันล้ำค่าที่บ้านยางชุมใหญ่ของเรามีได้ชื่อว่าเป็นบริเวณที่ขุดเจาะหาน้ำได้ง่ายที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ขุดลงจากหน้าดินลงไปประมาณ 2 เมตร ก็เห็นน้ำได้ใช้แล้ว
ความอุดมสมบูรณ์ในส่วนนี้เป็นที่ต้องตาต้องใจของคนต่างถิ่นที่ได้มาพบเห็น ชนิดเจาะที่ไหนเมื่อไหร่ต้องได้น้ำอย่างแน่นอน
และมีน้ำดื่มที่มีรสชาติใกล้เคียงน้ำฝนมากที่สุด เหมาะสำหรับการเกษตรปลูกผักสวนครัว การปลูกไม้ผล
การทำนา
การที่มีน้ำมาก
ทำให้คนในท้องถิ่นไม่ค่อยเห็นความสำคัญของน้ำ ไม่มีการอนุรักษ์น้ำ ไม่มีการใช้น้ำอย่างเหมาะสม ใช้น้ำกันอย่างฟุ่มเฟือย การขุดเจาะบาดาลใช้ในครัวเรือนจะมีทุกบ้าน ทำให้น้ำใต้ดินบริเวณที่เป็นคำได้ไหลวนไปสู่บ่อใกล้เคียง จึงทำให้น้ำแทบทุกบ่อเหลือง ซึ่งเดิมแทบทุกบ่อน้ำจะใสสะอาดดื่มได้ แต่ปัจจุบันน้ำจะเหมาะสมที่จะนำมาดื่มมีน้อยบ่อ
หนองน้ำต่าง ๆ
อันเป็นที่ขยายพันธุ์ปลาทำให้มีปลาน้ำจืดมาก
พอเพียงแก่การนำมาเป็นอาหารของผู้คนในชุมชน ควรได้รับการอนุรักษ์อย่างเหมาะสมจึงจะเกิดประโยชน์ต่อชุมชน
ป่าไม้ชุมชน ป่าช้า
ป่าดอนปู่ตา ป่าโนนยาง ป่าแตงแซง
ประกาศตามกฎกระทรวงฉบับที่ 1047 ( พ.ศ. 2527 )
เนื้อที่ 9098 ไร่ แทบทุกป่าถูกทำลายแทบจะไม่เป็นป่าอีกต่อไป ถ้าจะฟื้นฟูป่าที่เหมาะสมในกาลต่อไปต้องรณรงค์ปลูกป่าปลูกไม้ผลในที่สวนที่นา ถ้าจะมีป่าก็จะเป็นป่าปลูกใหม่ เพราะป่าที่เคยมีอยู่เดิมได้หายไปแล้ว แม้แต่ต้นไม้ประวัติศาสตร์ของหมู่บ้านก็หายไปทีละต้นสองต้น ที่คงเหลืออยู่บ้างก็ มีต้นโพธิ์ใหญ่ที่วัดบ้านยางชุมใหญ่ ต้นมะม่วง
ต้นมะเฟือง ต้นมะขาม และทิศใต้ของหมู่บ้านก็มีต้นยางใหญ่อยู่ 1
ต้น
ต้นไม้ที่ดอนปู่ตา
ต้นไม้ที่ป่าช้าได้โดยกรรมการหมู่บ้านได้นำไปสร้างวัด
สำนักสงฆ์วัดป่ามงคลสุธาวาสส่วนหนึ่ง
ส่วนป่าแตงแซงได้หายไปพร้อมกับการเกิดแปลงหอมช่วงหลังปี 2530 เป็นต้นมา
ดินโดยทั่วไปก็ใช้ในการเพาะปลูกข้าว และแปลงปลูกหอมเป็นดินร่วนปนทราย
การใช้ประโยชน์ในพื้นที่ส่วนใหญ่ยังไม่เหมาะสม เช่นที่นาก็ทำเฉพาะนา
เมื่อหลังฤดูกาลเก็บเกี่ยวก็ไม่ใช้ประโยชน์อีกเลย น่าจะแบ่งส่วนใดส่วนหนึ่งปลูกไม้ผล ทำไร่นาสวนผสม
เลี้ยงปลา เลี้ยงสัตว์ ปลูกผักไว้รับประทาน
ดินทรายที่นำมาใช้ในการก่อสร้างก็สามารถไปนำมาจากฝั่งมูลบริเวณห้วยครกได้
โดยปกติถือว่าบริเวณห้วยครกเป็นของบ้านยางชุมใหญ่ แต่เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2539
บ้านยางชุมใหญ่ซึ่งเดิมขึ้นตำบลลิ้นฟ้าได้แยกตนเองออกมาเป็นตำบลยางชุมใหญ่ ได้แบ่งแนวเขตกันใหม่ ที่ดินตรงนั้นก็อยู่แนวเขตของตำบลลิ้นฟ้า
ดินในหมู่บ้านยางชุมใหญ่โดยเฉพาะที่นามีแต่การใช้ในการผลิตข้าว
แต่ยังขาดการอนุรักษ์การบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม ส่วนใหญ่มีแต่การใส่ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ ทำให้ดินเสื่อมไปทุกปี ควรได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อให้เกิดความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก โดยเฉพาะธาตุอาหารของพืชที่จำเป็น 16 ธาตุ ได้มาจากน้ำและอากาศ 3 ธาตุ
ส่วนอีก 13 ธาตุได้มาจากดิน ธาตุทุกตัวมีความสำคัญเท่ากันหมด แต่พืชต้องการธาตุ เอ็น
พี เค มากกว่าธาตุอื่น ๆ ซึ่งให้คุณค่าต่างกันดังนี้
1.
ธาตุไนโตรเจน ( เอ็น ) มีหน้าที่ช่วยสร้างใบและส่วนที่ยังอ่อนของพืชที่มีสีเขียวทำให้ลำต้น ใบ
เจริญเติบโตได้เร็ว
ใช้มากในสวนผักต่าง ๆ
2.
ธาตุฟอสฟอรัส ( พี ) สร้างเสริมส่วนที่เป็นดอก
ช่วยในการแตกแขนงของรากพืชต้นแคระและไม่ติดดอกออกผลให้นึกถึงธาตุตัวนี้ไว้ก่อน
3.
ธาตุโปตัสเซี่ยม ( เค ) สร้างเปลือกและลำต้นให้แข็งแรง ไม่หักโค่นล้มง่าย สร้างแป้ง
น้ำตาล และเส้นใย และช่วยให้พืชต้านทานโรคได้ดี
ความต้องการปุ๋ยของที่นาบ้านเรา
มีอัตราส่วน เอ็น 2 ส่วน พี 2 ส่วน และ
เค 1 ส่วน
ปุ๋ยนาข้าวบ้านเราควรเป็นสูตร 16
– 16 – 8 , 18 – 12 – 6
, 16 – 24 – 16
, 20 – 20 – 16
การใส่ปุ๋ยในนา ครั้งที่ 1 ใส่รองพื้นหรือหลังข้าวงอกประมาณ 20 – 30 วัน
ครั้งที่ 2
หลังใส่ปุ๋ยครั้งแรกไป 30 – 45 วัน
ครั้งที่ 3
ก่อนข้าวออกดอก 30 วัน
การใส่ปุ๋ยรองพื้น ใช้ไร่ละ
20 กิโลกรัม
นาข้าวในดินทราย ปุ๋ยที่ราชการแนะนำ คือ 16 – 16 – 8
ใช้ 20 – 35 กิโลกรัม ต่อ
ไร่
พืชและพันธุ์ไม้ในท้องถิ่น
พืชพันธุ์ไม้ในท้องถิ่นเป็นสิ่งบ่งบอกถึงความเหมาะสมของพืชที่เหมาะกับดินฟ้าอากาศที่ควรได้รับการอนุรักษ์
การส่งเสริม
ตลอดทั้งสร้างความสมหวังให้กับผู้ปลูกได้เป็นอย่างดี
1. ต้นมะม่วง
แทบทุกชนิดถือได้ว่าเขตบ้านยางชุมใหญ่เป็นหมู่บ้านหนึ่งที่ผลิตมะม่วงได้หลายสิบตันในรอบปี โดยเฉพาะมะม่วงแก้ว เหมาะสำหรับการส่งเข้าโรงงานในการหมักดอง
ได้รับการส่งเสริมจากทางราชการให้ปลูกมะม่วงแก้ว ศรีสะเกษ
007
แม้ที่ไหน ๆ มะม่วงที่อื่นไม่ออกผลแต่ที่นี่มีผลดีมาก
2. มะขามเปรี้ยว ดูแลรักษาง่าย
มีประโยชน์
และสามารถส่งผลผลิตภายในเชิงเศรษฐกิจได้
ทุกแห่งที่เป็นหมู่บ้านเก่าแก่จะมีต้นมะขามอยู่ด้วยกันเสมอ ใช้ผลผลิตในการปรุงอาหาร ทั้งยอด
ผล ส่วนลำต้น เลื่อยทำเขียงดีนักแล ถ้าจะปลูกจริง ๆ รับรองตลาดไม่ตันอย่างแน่นอน
3. ต้นมะเกลือ ต้นไม้คู่บ้านคู่เมืองทุกยุคทุกสมัย ใช้ผลมาทำเป็นยาฆ่าพยาธิ ใช้ลูกทำยาย้อมผ้าสีดำ ลูกสุกทานอร่อย ลำต้นทำเฟอร์นิเจอร์ดีนักแล
4. มะเฟือง เปรี้ยว
หวาน
ใช้ลูกมะนาวขัดเล็บมือให้สวยงาม
ขัดหัวเข็มขัด ใช้จิ้มเกลือทาน
ได้วิตามิน ซี เป็นต้นไม้ชนิดหนึ่งที่ปลูกไว้ประจำบ้าน หากส่งเสริมการปลูก ดินบ้านเราก็ปลูกได้ดี
5. มะพร้าว แถวบ้านข้างบึงมีต้นมะพร้าวรายรอบ
เป็นพืชที่ปลูกง่ายชนิดหนึ่งขอให้เตรียมหลุมปลูกให้ดีได้ผลผลิตแน่นอน
พืชในท้องถิ่นมองดูภาพหนึ่งคือของพื้น
ๆ ถ้าได้ปลูก เงาะ
ทุเรียน แอปเปิ้ล ได้น่าจะขายดีทดแทนการนำเข้าได้ แต่ถ้าทดลองดูแล้ว บางอย่างก็ได้ผล เช่น
ลำไย แต่ผลผลิตน้อยมาก หากเราพัฒนาพืชในท้องถิ่นอย่างเป็นระบบ และจัดการส่งเสริมการตลาด อาจได้ลิขสิทธิ์สร้างความสนใจให้ต่างถิ่นได้ดังที่มีมะขามหวานเมืองเพชรบูรณ์ ลำไยเชียงใหม่
ขอขอบคุณข้อมูลดีที่มีประโยชน์จาก
อาจารย์ซุนย้ง แซ่เตียว
*ข้อมูลบางส่วนอาจมีส่วนที่เข้าใจผิดพลาดจึงขออภัย ณที่่นี้ด้วย*
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น