ลักษณะภูมิอากาศและดิน


ลักษณะภูมิอากาศ

ลักษณะทั่วไปของอากาศบ้านยางชุมใหญ่  มีอากาศร้อนในฤดูร้อน  หนาวในฤดูหนาว  และจะมีฝนในฤดูฝนตามปกติของสถานที่ทั่วไปในภาคอีสานของไทย  อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ  28 35  องศาเซลเซียส  อุณหภูมิต่ำสุดประมาณ  15  องศาเซลเซียส  และสูงสุดประมาณ  40  องศาเซลเซียส

ลักษณะของดิน

โดยทั่วไปของดินบ้านยางชุมใหญ่จะเป็นดินร่วนปนทราย เหมาะกับการเพาะปลูกพืชบางชนิดและจะไม่เหมาะกับการเพาะปลูกพืชบางชนิด เขตบริเวณหนองแต่ละแห่งค่อนข้างจะเป็นดินเหนียวเพราะการตกตะกอนและการไหลไปรวมกันของผงดินเหนียว  จะปลูกข้าวได้งอกงาม  มีผลผลิตสูง  ส่วนดินทั่วไปเป็นดินทราย  ส่วนที่เป็นแปลงหอมจะใช้รถแทรคเตอร์ดันคันดินให้สูงขึ้น  แล้วนำดินจอมปลวกมาถมทับอีกหนาประมาณ  30  เซนติเมตร  เมื่อให้เหมาะกับการปลูกหอมส่วนดินทั่วไปที่เป็นดินทรายจะใช้สำหรับทำนา  การเพาะปลูกข้าวจะไม่ค่อยงอกงามดีนัก  แต่ชาวบ้านได้นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการบำรุงดูแลรักษาข้าว  โดยการปลูกพืชหมุนเวียนบ้าง  โดยการฉีดยาฆ่าหญ้า  ทำให้หญ้ากลายเป็นปุ๋ยพืชสดบ้าง  นำปุ๋ยวิทยาศาสตร์มาใช้มาบำรุงรักษาพืชบ้าง  จึงทำให้ผลผลิตข้าวถือได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดี  และมีผลผลิตมากพอสมควร
เห็ดเกิดได้ เพราะดิน อากาศ อุณหภูมิที่เหมาะสมเท่านั้น  ดินจึงเป็นส่วนสำคัญที่สุดที่ทำให้เกิดพืช และดินที่ใด ก็จะเหมาะกับพืชชนิดที่เกิดในท้องถิ่นนั้นๆ ข้าพเจ้าเคยปลูกพืชตามที่คิด เช่นอยากนำแอปเปิลจากต่างประเทศมาปลูก(ปลูกแล้วก็ไร้ผล ได้แต่ต้น หลังบ้านเฒ่าแก่องอาจ) เอาต้นทุเรียนจากภาคกลางมาปลูกที่สะพาน บ้านดอนโก ก็ตายเรียบ  เพราะฉะนั้นก็สังเกต ธรรมชาติ ที่เหมาะกับดิน แถวอีสาน ยางชุมใหญ่ น่าจะเหมาะกับพืชที่เราเห็นในพื้นเมืองคือ มะม่วง มะขาม มะพร้าว ต้นหมาก  จริงๆแล้วถ้านำพืชที่ขึ้นได้ในท้องถิ่นมาปรับปรุงพัฒนาจะสามารถให้ผลผลิตได้ จะดีกว่าวิ่งตามกระแสครับ
ส่วนที่มาจากต่างประเทศที่ได้ผลค่อนข้างดี ในที่น้ำท่วม ไม่สามารถทำประโยชน์ได้แล้วก็คือต้นยูคาลิปตัส ปลูกฝั่งมูลได้ดี  แต่ไม่ค่อยได้ขาย โจรเยอะ
และที่สำคัญ ข้าพเจ้าและเพื่อนๆ ปลูก แทนที่จะได้เป็นเจ้าของที่ดิน ปลากฏว่า คนที่ทำประโยชน์เป็นคนบ้านยางชุมใหญ่ ต.ยางชุมใหญ่ แต่ปรากฏว่า ตำบลลิ้นฟ้าไปขึ้นทะเบียนเป็นของ อบต.ลิ้นฟ้าไปส่วนหนึ่ง และอีกฟากหนึ่ง อบต.คอนกามก็ขึ้นทะเบียนเรียบร้อยแล้ว  ข้าพเจ้าก็มองดูเนื้อที่ที่ปลูกยูคาลิปตัสประมาณ7-8 ร้อยไร่ ด้วยสายตาละห้อยว่า เออน่า ไม่ว่าต้นไม้ ไม่ว่าที่ดิน แม้แต่ตัวเรา มันก็คือความว่างเปล่า ไม่นานก็จะสลายไปตามกาล ในโลกนี้ยังไม่มีใครเป็นเจ้าของใครหรอก ทุกอย่างก็จะคืนธรรมชาติ(ปลงซะ) แล้วเราก็จะสบายใจ 



ขอขอบคุณข้อมูลดีที่มีประโยชน์จาก
 อาจารย์ซุนย้ง  แซ่เตียว
*ข้อมูลบางส่วนอาจมีส่วนที่เข้าใจผิดพลาดจึงขออภัย ณที่่นี้ด้วย*

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น